“นอนเยอะแต่ยังรู้สึกนอนไม่พอ ง่วงทั้งวัน” “นอน ๆ อยู่แล้วสะดุ้งตอนกลางคืนบ่อย ๆ” “นั่งทำงานแล้วเผลอหลับบ่อย ๆ” “นอนตื่นมาแล้วมีรอยฟกช้ำโดยจำไม่ได้ว่าทำอะไรมา” “หลับในระหว่างขับรถจนเกิดอุบัติเหตุ”
หลาย ๆ คนอาจมีอาการเหล่านี้ซึ่งเป็นผลมาจากความผิดปกติในการนอนหลับซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
การนอนหลับมีความสำคัญต่อสุขภาพอย่างไร
หัวใจและระบบการไหลเวียนเลือด
ในระหว่างการนอนหลับ, ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจจะลดต่ำลงกว่าในช่วงที่ตื่นเป็นการทำให้หัวใจและระบบไหลเวียนเลือดได้พักผ่อน จากการศึกษาวิจัยพบว่าการนอนหลับไม่เพียงพอเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
ระบบฮอร์โมน
การหลั่งฮอร์โมนหลายชนิดเในร่างกายเกิดขึ้นในเวลากลางคืนระหว่างการนอนหลับ การอดนอนส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเหล่านี้ซึ่งส่งให้มีการทำงานที่แปรปรวนของร่างกายและการเกิดโรคทางเมตาบอลิคหลายโรคในระยะยาว
การเผาผลาญ
การนอนไม่เพียงพอส่งผลให้เกิดความแปรปรวนของระบบการเผาผลาญของร่างกายซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแปรปรวนของระบบฮอร์โมนดังที่กล่าวมาแล้ว มีการศึกษาวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าการนอนหลับไม่เพียงพออย่างเรื้อรังเกี่ยวข้องกับภาวะต่อไปนี้ได้แก่
ความแปรปรวนของฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว เช่น Leptin, ghrelin ดังนั้นผู้ที่อดนอนเรื้อรังมักมีปัญหาเกี่ยวกับการกินเช่นกินมากเกินไปหรือไม่อยากอาหาร
ทำให้สมรรถภาพทางกายและสมองลดลง
การตอบสนองต่ออินซูลินลดลงซึ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน, หรือในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้วก็จะทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดยากขึ้น
ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกลุ่ม metabolic syndrome มากขึ้น
การทำงานของสมอง
คลื่นสมองจะมีความสงบในขณะนอนหลับทำให้มีการพักตัวของเซลล์ประสาทซึ่งส่งผลดีต่อความคิดและความจำ การอดนอนจึงส่งผลในทางตรงกันข้ามคือทำให้ความสามารถในการคิดและตัดสินใจบกพร่องลง, ความจำไม่ดี
ความผิดปกติของการนอน
ความผิดปกติของการนอนที่พบบ่อยได้แก่ การนอนไม่หลับ, นอนกรน, การหยุดหายใจขณะหลับ, กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข (Restless leg syndrome)
Sleep test or sleep study
Sleep test (Polysomnography) คือการตรวจความผิดปกติของการนอนหลับโดยการติดอุปกรณ์หลายชนิดบนร่างกายเพื่อตรวจวัดคลื่นสมอง, ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจน, การหายใจ, คลื่นหัวใจ, การเคลื่อนไหวของขากรรไกร, การเคลื่อนไหวของแขนขา การตรวจนี้ส่วนใหญ่ทำในหน่วยความผิดปกติของการนอนหลับภายใต้การดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับและทีมนักเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญด้านการนอน
การตรวจการนอนหลับ (sleep test) มีประโยชน์อย่างไร?
การวินิจฉัยความผิดปกติของการนอนหลับ ปัจจุบันถือว่าการตรวจ sleep test เป็นการตรวจที่เป็นมาตรฐานสากล (gold standard) ในการวินิจฉัยโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับเช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive sleep apnea : OSA) การกระตุกของกล้ามเนื้อระหว่างนอนหลับรวมถึงพฤติกรรมที่ผิดปกติระหว่างการนอนหลับ
การวางแผนการรักษา แพทย์สามารถนำผลการตรวจไปวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมเช่น ใช้ผลการตรวจในการตั้งค่าความดันลมที่เหมาะสมในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) เพื่อช่วยเปิดช่องทางเดินหายใจในขณะนอนหลับ, หรือใช้ผลการตรวจในการเลือกวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive sleep apnea : OSA)
การติดตามการรักษา เช่น การติดตามผลภายหลังการใช้เครื่องมือในช่องปาก (oral appliances) ในผู้ที่มีโรคหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive sleep apnea : OSA)
ใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจ sleep test?
หากมีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้, ท่านควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจ sleep test
นอนกรน
มีความกระสับกระส่ายระหว่างนอนหลับ
หายใจลำบากหรือสงสัยว่ามีการหยุดหายใจเป็นพักๆ
ง่วงนอนช่วงกลางวันมากผิดปกติทั้งที่นอนหลับกลางคืนเป็นเวลานาน
ตื่นเช้าอย่างไม่สดชื่น, มีอาการปวดหัวหลังตื่นนอน และรู้สึกอ่อนเพลียหลังตื่นนอนบ่อย ๆ
มีพฤติกรรมการนอนที่ผิดปกติ เช่น แขนขากระตุกระหว่างนอนหลับ, กัดฟัน, นอนละเมอ หรือสะดุ้งตื่น
นอนหลับยากหรือรู้สึกนอนหลับได้ไม่เต็มที่บ่อย ๆ มากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
การประเมินความง่วงนอนที่ผิดปกติสามารถทำได้อย่างชัดเจนด้วยแบบสอบถามที่เรียกว่า Epworth Sleepiness Scale (ESS)
ท่านสามารถคลิกทำแบบทดสอบได้ที่นี่
โรคหรือสภาวะที่มีความเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจ sleep test
ผู้ที่เสี่ยงจะเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น
ผู้ที่เป็นโรคอ้วน หรือมีน้ำหนักตัวเกิน
ผู้ที่แพทย์สงสัยว่าอาจมีภาวะชักขณะนอนหลับหรือเป็นโรคลมหลับ (narcolepsy)
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ เช่น หัวใจวาย ไตวาย ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
ผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการนอนหลับที่ยังรักษาไม่ได้
มีการตรวจวัดอะไรบ้างใน sleep test
ในการตรวจ sleep test จะมีการติดอุปกรณ์เฉพาะต่างๆสำหรับใช้บันทึกการทำงานของร่างกายขณะนอนหลับได้แก่ ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด , การหายใจเข้าออกทั้งทางจมูกและทางปาก, คลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การขยับของกล้ามเนื้อตา, แขนขาและกราม, รวมทั้งบันทึกวิดีโอเพื่อสังเกตพฤติกรรมที่ผิดปกติระหว่างนอนหลับ
เมื่อตรวจ sleep test เสร็จแล้วแพทย์จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์และแปลผลการตรวจเพื่อวินิจฉัยความผิดปกติต่าง ๆ พร้อมทั้งประเมินความรุนแรงของปัญหาต่างๆ เช่น การหยุดหายใจขณะหลับ, ระดับออกซิเจนในเลือดขณะหลับ, พฤติกรรมที่ผิดปกติเช่นการกระตุกของขาขณะหลับ, การละเมอ, การนอนไม่หลับ และความผิดปกติของการนอนหลับอื่น ๆ
การเตรียมตัวก่อนตรวจ sleep test
อาบน้ำและสระผมให้สะอาดก่อนมาตรวจ sleep test อย่าใส่น้ำมันหรือครีมใด ๆ มาด้วย เพราะอาจรบกวนการติดอุปกรณ์การตรวจ
งดชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ ในวันที่จะมาตรวจ sleep test
หลีกเลี่ยงการงีบหลับในช่วงกลางวันของวันที่จะมาตรวจเพื่อให้สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ผลการตรวจที่ชัดเจน
นำยาทุกชนิดที่รับประทานอยู่ติดตัวมาด้วย (หากมีข้อสงสัยเรื่องยา ควรปรึกษาแพทย์ผู้ตรวจ)
การติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดต่าง ๆ จะใช้เวลาประมาณ 45 – 60 นาทีและทำโดยเจ้าหน้าที่ประจำห้องตรวจ Sleep test
กรณีที่ท่านมีข้อสงสัยใดๆให้ติดต่อสอบถามและตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ กับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล
สรุป
ปัญหาการนอนเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้ามเพราะปัญหาการนอนไม่ใช่มีแค่การนอนไม่หลับหรือนอนไม่พอ, แต่อาจมีภาวะอื่นเช่นการหยุดหายใจขณะหลับซึ่งนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ความสำคัญ เช่น โรคความดันสูง โรคหัวใจ, ความดันในปอดสูง, โรคหลอดเลือดสมอง , และสุขภาพจิตที่พร่องลง
นอกจากนั้นคุณภาพการนอนที่ไม่ดียังอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานซึ่งจะสร้างปัญหาต่อหน้าที่การงาน
ดังนั้นการตรวจ sleep test จะช่วยให้ทราบถึงความผิดปกติของการนอนหลับได้อย่างชัดเจนทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันผลเสียต่อสุขภาพที่อาจตามมาจากปัญหาการนอน
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ มายด์เซ็นเตอร์และศูนย์นิทรารมย์
โรงพยาบาลพระรามเก้า หมายเลขโทรศัพท์ 1270 ต่อมายด์เซ็นเตอร์และศูนย์นิทรารมย์ 20921-2